10 โรงหมักสาเกโบราณในทางตอนเหนือของเกียวโตที่คุณต้องไปเยือน
พื้นที่ติดทะเลของเกียวโตที่ทอดตัวอยู่ตามแนวทางตอนเหนือของญี่ปุ่นนั้นคือสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับโรงหมักสาเกโบราณนับไม่ถ้วน
ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการมาเกียวโต
ทริปเที่ยวญี่ปุ่นของคุณนั้นจะไม่สมบูรณ์หากคุณไม่ได้ไปเกียวโต แล้วเกียวโตนั้นอยู่ที่ไหนกัน เกียวโตนั้นอยู่บริเวณภาคกลางเยื้องไปทางตะวันตกบนเกาะฮอนชู (Honshu Island) ของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ห่างจากโอซาก้า (Osaka) ประมาณ 30 ไมล์ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดเป็นอันดับสามรองจากโตเกียวและโอซาก้า
เกียวโตเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นและยังเป็นเมืองแห่งวัดของประเทศนี้ด้วย เกียวโตที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งวัดนับพันวัดนั้นจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในช่วงที่ดอกซากุระเบ่งบานซึ่งเป็นช่วงปลายมีนาคมไปจนถึงต้นเมษายน
ต้นซากุระที่พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองแห่งนี้คือต้นซากุระโยชิโนะ (Yoshino) พันธุ์ผสม กลีบดอกต้นซากุระอันงดงามนี้มีสีขาวล้วน และแต่งแต้มด้วยสีชมพูที่สะกดทุกสายตา ดอกซากุระที่เบ่งบานอย่างละลานตาทำให้ช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการมาเยือนเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นแห่งนี้
สถานที่ต่าง ๆ ในเมืองแห่งนี้อาจต้องใช้เวลาสำรวจสักหน่อยและต้องเดินเท้ากันพอสมควร ดังนั้น คุณอาจต้องพกรองเท้าที่ใช้เดินได้สบายในการมาเที่ยวทริปนี้ด้วย ความชื้นนั้นค่อนข้างสูงหากคุณมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน เพราะฉะนั้น ให้พกขวดน้ำมาด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้คุณต้องเป็นลมแดด
ต่อไปนี้คือสถานที่ที่ต้องไปเยือนในเกียวโตที่คุณจะได้พบกับวิวอันน่าทึ่งต่าง ๆ ในทริปเที่ยวญี่ปุ่นของคุณ และเราจะบอกวิธีไปยังสถานที่เหล่านั้นด้วย
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริที่มีประตูโทริอิ 10,000 ต้น
ในมวลหมู่ของสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ศาลเจ้านิกายชินโตแห่งนี้นั้นยืนหนึ่งในเรื่องของความงดงาม ศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ทางใต้ของเกียวโตและประกอบไปด้วยประตูโทริอินับ 10,000 ต้น ที่ซึ่งคุณจำเป็นต้องใช้รองเท้าเดินที่ว่าแล้ว เนื่องจากทางเดินที่รายล้อมไปด้วยประตูโทริอินั้นค่อนข้างยาวไกล ทางเดินที่ว่าเหล่านี้มีจุดสูงสุดอยู่ที่ภูเขาอินาริ (Mount Inari) และสามารถใช้เดินไปยังป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama) ที่มีชื่อเสียงที่ประดับประดาไปด้วยต้นซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิได้
ศาลเจ้าแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 711 หลายคนที่มายังที่แห่งนี้ต่างขอพรให้ตนเองปลอดภัย, ประสบความสำเร็จ และสมปรารถนาในทุกสิ่ง เทพเจ้าที่ปกปักรักษาศาลเจ้าแห่งนี้คือเทพเจ้าอินาริโอคามิ (Inari Okami) ซึ่งในปี ค.ศ. 2011 นั้นคือปีแห่งการครบรอบ 1,300 ปีของศาลเจ้าแห่งนี้ ในทุก ๆ ปีจะมีผู้เดินทางมาสักการะศาลเจ้ามากมายเพื่อระลึกถึงประวัติศาสตร์ของเกียวโตในฐานะที่เป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น
เมื่อคุณมาถึงสถานี JR Kyoto Station ให้ขึ้นรถไฟเพื่อไปยังสถานี JR Inari Station ด้วยรถไฟสาย JR Nara Line เพื่อไปยังศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) ซึ่งคุณจะต้องเดินประมาณสามนาทีจากสถานี JR Inari Station เพื่อไปยังศาลเจ้า
วิวพาโนรามาจากวัดคิโยมิซุเดระ
วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera Temple) เป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในประเทศญี่ปุ่น วัดนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อกว่า 1,200 ปีที่ผ่านมา วัดคิโยมิซุเดระขึ้นชื่อในเรื่องของวิวพาโนรามาอันน่าตื่นตาตื่นใจ เนื่องจากตัววัดนั้นตั้งอยู่ระหว่างขึ้นไปยังภูเขาโอโตวะ (Mount Otowa) ความงดงามทางสถาปัตยกรรมโบราณแห่งนี้ได้รับการก่อสร้างด้วยเทคนิคแบบฉบับญี่ปุ่น ซึ่งโถงหลักและพื้นของวัดนั้นก่อสร้างโดยไม่ใช้ตะปูตอกใดๆ วัดแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่โดดเด่นของเทือกเขาฮิกาชิยามะ (Higashiyama)
วัดนี้ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Kannon Reijo ” ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” เจ้าแม่กวนอิมนั้นคือเทพธิดาประจำของวัดแห่งนี้และเป็นเทพธิดาแห่งความเมตตา วัดคิโยมิซุเดระมีมัคคุเทศก์ที่เป็นนักบวชที่ค่อยนำเที่ยวแบบพิเศษไปรอบ ๆ วัดให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
การนำเที่ยวโดยมีมัคคุเทศก์นำนี้จะครอบคลุมถึงสถานที่และอาคารทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ สิ่งก่อสร้างเหล่านี้รายล้อมไปด้วยวิวอันน่าทึ่งต่าง ๆ วัดคิโยมิซุเดระของเกียวโตนั้นมีต้นซากุระราว 1,000 ต้นผลิบานอวดโฉมความงดงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิของแต่ละปี ดอกซากุระเหล่านี้ยังพบได้ตามวัดและศาลเจ้าอื่น ๆ ของเกียโตอีกด้วย
หากต้องการเดินทางไปยังวัดคิโยมิซุเดระ ให้ขึ้นรถไฟจากสถานี JR Kyoto Station เพื่อไปยังสถานี Keihan Kiyomizu Gojo Station คุณจะต้องเดินประมาณ 20 นาทีจากสถานีนี้เพื่อไปยังวัดดังกล่าว และเราขอเน้นย้ำอีกครั้งว่าให้หารองเท้าที่ใส่แล้วเดินสบายเข้าไว้
ปราสาทนิโจ (Nijō Castle)
ปราสาทแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1603 และยังเป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในประเทศญี่ปุ่น ปราสาทได้รับการปฏิสังขรณ์โดยโชกุนลำดับที่สามที่มีนามว่าอิเอมิตสึ (Iemitsu) เป็นเวลาถึง 23 ปีและแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1626 คำว่า “โชกุน” นั้นหมายถึงผู้บัญชาการทหารในระบบศักดินาของญี่ปุ่น คุณจะได้พบกับประตูคาระมง (Karamon Gate) ตรงทางเข้าของปราสาท ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงอำนาจและเกียรติยศของปราสาท เมื่อผ่านประตูเข้าไปด้านใน คุณจะได้พบกับพระราชวังนิโนมารุ (Ninomaru Palace) พระราชวังนี้ประกอบไปด้วยอาคารที่เชื่อมต่อกันห้าหลังที่สร้างขึ้นด้วยไม้ฮิโนกิ (Hinoki)
อาคารที่กว้างขวางต่าง ๆ นั้นประดับประดาไปด้วยศิลปะไม้แกะสลัก, ภาพวาดที่น่าดึงดูดใจกว่า 2,000 รายการที่สร้างสรรค์โดยจิตรกรของ Kano School และยังตกแต่งด้วยทองคำเปลวอีกด้วย Kano School นั้นถือเป็นโรงเรียนจิตรกรรมที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นจนถึงยุคศตวรรษที่ 19 ฝั่งตะวันตกของพระราชวังนั้นมีสวนพร้อมสระน้ำอันน่าตื่นตาตื่นใจไว้ให้ชม ในฤดูไม้ผลิของทุก ๆ ปี ต้นซากุระกับประตูคาระมงของปราสาทจะได้รับการตกแต่งด้วยแสงไฟในยามค่ำคืน
หากต้องการเดินทางไปยังปราสาทนิโจ ให้นั่งรถไฟใต้ดินสาย Karasuma Subway Line จากสถานี Kyoto จากนั้นให้เปลี่ยนไปนั่งสาย Tozai Line เพื่อไปยังสถานี Nijojo-mae Station คุณจะต้องเดินเท้าสักครู่จากสถานีเพื่อไปยังปราสาทดังกล่าว
พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต (Kyoto Imperial Palace)
สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์นี้ตั้งอยู่ในสวนเกียวเอ็นเกียวโต (Kyoto Gyoen Garden) และโด่งดังในเรื่องของต้นซากุระที่เบ่งบานอย่างละลานตาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พระราชวังแห่งนี้เป็นพระตำหนักของราชวงศ์จักรพรรดิจนถึงปี ค.ศ. 1869 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูยุคเมจิ (Meiji Restoration) สวนอันมีเสน่ห์ของที่นี่นั้นยาวถึง 1,300 เมตร นั่นแปลว่าคุณจะต้องเดินเยอะหน่อยเช่นกัน คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับทัวร์ของที่นี่ที่จัดโดยสำนักพระราชวังหลวง (Imperial Household Agency) ได้ นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังมีการจัดแสดงเกียวโตสเตตเกสต์เฮาส์แห่งยุคสมัยเอโดะ (Edo-era Kyoto State Guest House) อีกด้วย
พระราชวังแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของสวนญี่ปุ่นที่มีนามว่าสวนโออิเคะนิวะ (Oikeniwa) ที่มีสะพานเคยะคิบะชิ (Keyakibashi) ทอดตัวอยู่เหนือสระน้ำของที่นี่ คุณยังจะได้เห็นนกกระสานวลที่พักผ่อนอยู่บนเปลือกไม้ใกล้ ๆ กับสระน้ำด้วย นอกจากนี้ ยังมีพระตำหนักฤดูร้อนโอสุมิโช (Ozumisho) โบราณขององค์จักรพรรดิตั้งอยู่ในอาณาเขตของพระราชวังแห่งนี้ด้วย
หากต้องการไปยังพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต ให้นั่งรถไฟใต้ดินสาย Karasuma Subway Line จากสถานี Kyoto Station จากนั้นให้ลงที่สถานี Imadegawa Station แล้วเดินไปยังพระราชวังดังกล่าว
วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple)
วัดเก่าแก่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งในแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในประเทศญี่ปุ่น วัดแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ในเกียวโตที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดด้วย วัดนี้คือศาลเจ้าของพุทธศาสนานิกายเซน และมักมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วัดทอง (Temple of the Golden Pavilion)” วัดนั้นตั้งอยู่ในย่านคินคะคุจิ (Kinkakuji-cho) ซึ่งได้รับการออกแบบไว้ในสมัยปี ค.ศ. 1393 โดยขุนนางผู้ได้รับการยกย่องที่มีนามว่าไซออนจิ คินซึเนะ (Saionji Kintsune)
ตัววัดนั้นตั้งตระหง่านสูงเด่น 12.5 เมตรตรงริมฝั่งทะเลสาบกระจกเงา (Mirror Lake) ที่มีมนตร์สะกด อย่าลืมที่จะเดินไปรอบ ๆ เพื่อชื่นชมความงดงามของสวนญี่ปุ่นที่ประกอบไปด้วยน้ำตก, การจัดเรียงหิน และน้ำพุธรรมชาติ
เมื่อคุณมาถึงสถานี Kyoto Station วิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินทางไปยังวัดคินคะคุจินั้นคือการขึ้นรถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารประจำทางหลายคันที่มุ่งหน้าไปยังวัดนี้ ซึ่งคุณจะพบรถโดยสารประจำทางเหล่านี้ได้ตรงบริเวณทิศเหนือของสถานี
แหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก 17 แห่งในเกียวโต
มีแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก 17 แห่งที่อยู่ในเกียวโต ต่อไปนี้คือรายชื่อทั้งหมดของแหล่งมรดกฯ เหล่านั้นที่คุณอาจอยากลองไปสัมผัสดู นอกเหนือไปจากสถานที่ต่าง ๆ ข้างต้นที่เราได้แนะนำไปแล้ว
・วัดนิชิฮงงันจิ (Nishi-Hongwan-ji Temple)
・วัดกินคะคุจิ (Ginkaku-ji Temple)
・ปราสาทนิโจ (Nijō Castle)
・วัดเอนริอาคุจิ (Mt.Hiei-zan Enryaku-ji Temple)
・วัดเบียวโดอิน (Byodo-in Temple)
・วัดโคซังจิ (Kozan-ji Temple)
・ศาลเจ้าอูจิกามิ (Ujigami-jinja Shrine)
・วัดไซโฮจิ (Saiho-ji Temple)
・วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple)
・วัดเทนริวจิ (Tenryu-ji Temple)
・วัดเรียวอันจิ (Ryoan-ji Temple)
・ศาลเจ้าชิโมะกาโมะจินจะ (Shimogamo – jinja Shrine)
・วัดโทจิ (To-ji Temple)
・ศาลเจ้าคามิกาโมะจินจะ (Kamigamo – jinja Shrine)
・วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera Temple)
・วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple)
・วัดไดโกจิ (Daigo-ji Temple)
วิธีการเดินทางไปที่ต่าง ๆ ในเมืองเกียวโต
โปรดจำไว้ว่าเกียวโตนั้นไม่มีท่าอากาศยาน ท่าอากาศยานที่ใกล้ที่สุดคือท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport, KIX) วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางจาก KIX ไปยังเกียวโตนั้นคือทางรถไฟ ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.25 ชั่วโมง คุณยังสามารถนั่งรถไฟขากลับจากวัดเกียวโตไปยังโตเกียวได้ด้วย
รถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่นหรือชินคันเซ็น (Shinkansen) นั้นคือการเดินทางที่ดีที่สุดระหว่างโตเกียว, โอซาก้า และเกียวโต นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกใช้ Japanese Rail Pass เพื่อประหยัดค่าโดยสารได้ด้วยหากคุณไม่ใช่พลเมืองญี่ปุ่น
KIX คือท่าอากาศยานที่ใกล้เกียวโตที่สุด เพราะฉะนั้น คุณควรนั่งเครื่องบินไปลงที่ KIX หากคุณอยู่ในเมืองตามประเทศญี่ปุ่น คุณสามารถบินจากท่าอากาศยานฮาเนดะหรือนาริตะของโตเกียวเพื่อไปยัง KIX ได้โดยตรงภายในเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงด้วย JAL Japan Explorer Pass คุณสามารถเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ ภายในประเทศกว่า 30 แห่งได้ด้วย JAL Japan Explorer Pass
ให้การวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นกลายเป็นเรื่องง่ายด้วยคู่มือท่องเที่ยวญี่ปุ่นของ Japan Airline เราช่วยทำให้การค้นหาของคุณง่ายขึ้นเพื่อค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทริปของคุณนั้นน่าจดจำอย่างไม่มีวันลืม
พื้นที่ติดทะเลของเกียวโตที่ทอดตัวอยู่ตามแนวทางตอนเหนือของญี่ปุ่นนั้นคือสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับโรงหมักสาเกโบราณนับไม่ถ้วน
ออกไปเยือนเกียวโตเพื่อสำรวจรีสอร์ทออนเซ็น (น้ำพุร้อน) เรียวกัง และจุดหมายปลายทางเพื่อสุขภาวะที่ช่วยเยียวยาร่างกายอันสวยงามและผ่อนคลายอื่น ๆ อีกมากมาย
ป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama Park) ที่ตั้งอยู่ในย่านซากาโนะ (Sagano District) ที่มีชื่อเสียงตามขอบชานเมืองฝั่งตะวันตกของเกียวโตนั้นมีสิ่งต่าง ๆ มากกว่าแค่การสำรวจป่าไผ่ให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ
แบ่งปัน
แบ่งปัน